วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นวัตกรรมใหม่ #2015

นวัตกรรมใหม่ #2015
Mipow Play BULB bluetooth Smart LED speaker Light
หลอดไฟอัจฉริยะที่ให้ประโยชน์มากกว่าแสงไฟ เพราะยังสามารถเป็นลำโพงได้ในตัวได้อีกด้วย



หลอดไฟอัจฉริยะ
Mipow Play BULB bluetooth Smart LED speaker Light
หลอดไฟอัจฉริยะที่มาพร้อมกับลำโพงในตัวและควบคุมได้จาก smartphone หลอดไฟเป็นแบบ LED 3วัตต์ ส่วนของลำโพงให้กำลังขับสูงสุด 3 วัตต์ RMS เชื่อมต่อกับ smartphone , tablet ทาง Bluetooth ใช้งานได้กับ iPhone , iPad และ Android 4.3 ขึ้นไป
ใช้งานง่าย
Mipow Play BULB bluetooth Smart LED speaker Light
สามารถสั่งงานต่างๆทั้งการเล่นเพลงหรือปรับแสงสว่าง ได้จาก smartphone โดยใช้ร่วมกับแอพ PLAYBULB ที่ดาวน์โหลดได้ฟรี เพียงเท่านี้คุณก็จะสนุกสนานอย่างเพลิดเพลินได้ง่ายๆ สินค้ารับประกัน 1 ปีโดยผู้แทนจำหน่าย
ข้อมูลจำเพาะ
ฐานหลอด : E26/E27
รูปทรงหลอดไฟ : A
ชนิด : หลอดกลม
สีสว่าง : วอมไวท์
กำลังวัตต์ : 3W
ช่วงวัตต์ : 3W
ประเภท LED : SMD 3014
จำนวนของหลอดไฟ LED : 36
สีของเลนส์ : สีขุ่น
อุณหภูมิการใช้งาน : -20~+60
โวลต์ (v) : AC 100-240
กำลังของความสว่างเริ่มต้น : 270 lm
ความสามารถการป้องกันสิ่งแปลกปลอม : IP44
อุณหภูมิของสี (K) : 3000K
กำลังวัตต์ที่เท่ากัน : 3W
ลักษณะ : ควบคุมด้วยรีโมท / Bluetooth
การใช้งานหลัก : บ้าน/สำนักงาน
ช่วงเวลา (ชั่วโมง) : >15000
Beam Angle : 180°
การรับรอง : FCC, CE
CRI : 80
ขนาด (ซม) : 23*10*10
น้ำหนัก (กก) : 0.2
วัสดุ : อลูมิเนียมหล่อ
Size (cm)
6.5×6.5×13.3
Weight (kg)
0.168
Product warranty
1 Year



การเขียนบรรณานุกรม



การเขียนบรรณานุกรม
        บรรณานุกรม  คือ  รายชื่อหนังสือเอกสาร  สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ รวมทั้งโสตทัศนวัสดุ  และสื่ออีเล็กทรอนิกส์ ที่นำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงในการเขียนรายงาน  โดยเรียงตามลำดับอักษรไว้ท้ายเรื่อง

จุดมุ่งหมายในการเขียนบรรณานุกรม
        1.  ทำให้รายงานนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผล มีสาระน่าเชื่อถือ
        2.  เป็นการเคารพสิทธิและความคิดเห็นของผู้อื่นจึงนำมาอ้างไว้
        3.  เป็นแนวทางสำคัญสำหรับผู้สนใจต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม โดยศึกษาได้จากบรรณานุกรมนั้น ๆ
        4.  สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นำมาอ้างได้

วิธีเขียนบรรณานุกรม
        การเขียนบรรณานุกรมจากหนังสือ  ผู้เรียนสามารถนำข้อมูลจากหน้าปกใน และด้านหลังของหน้าปกใน ของหนังสือเล่มที่บันทึกข้อมูลมาเขียนบรรณานุกรม  การเขียนบรรณานุกรมจากวารสาร นำข้อมูลจากหน้าปก ของวารสารฉบับที่บันทึกข้อมูล มาเขียนบรรณานุกรม  และการเขียนบรรณานุกรมจากหนังสือพิมพ์ นำข้อมูลจากหน้าแรกของหนังสือพิมพ์มาเขียนบรรณานุกรม  และการเขียนบรรณานุกรมจากสื่ออีเล็กทรอนิกส์ นำข้อมูลจากหน้าแรกของเว็บเพจมาเขียนบรรณานุกรม    ดังนี้
        1.  เขียนไว้ในส่วนท้ายของรายงาน
        2.  เขียนเรียงลำดับอักษรชื่อผู้แต่ง ในกรณีที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้เขียนบรรณานุกรมภาษาไทยก่อน
        3.  บรรทัดแรกของบรรณานุกรมชิดด้านซ้ายที่เว้นจากขอบกระดาษเข้ามา  1.5  นิ้ว  ถ้ายังไม่จบ เมื่อขึ้นบรรทัดใหม่โดยย่อหน้าเข้ามาประมาณ  7  ช่วงตัวอักษรของบรรทัดแรก  ให้เขียนตรงกับช่วงตัวอักษรที่  8 


รู้เท่าทันสื่อ

รู้เท่าทันสื่อ
                การรู้เท่าทันสื่อ หมายถึง การอ่านสื่อให้ออกเพื่อพัฒนาทักษะในการเข้าถึงสื่อ การวิเคราะห์สื่อ การตีความเนื้อหาของสื่อ การประเมินค่าและเข้าใจผลกระทบของสื่อ รวมถึงความสามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ได้ การรู้เท่าทันสื่อ Media literacy เป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีการระบุในยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านสื่อสารมวลชนขององค์การ UNESCO ซึ่งอยู่ในกรอบแนวคิดเรื่อง “การส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออกและการเสริมสร้างสมรรถนะในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความรู้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน” โดยมีหลักการหนึ่งระบุไว้ว่าด้วย “การยกระดับการรู้เท่าทันสื่อให้ส่งขึ้น”




"รู้เท่าทันสื่อ" คือ ทักษะ หรือความสามารถในการ "ใช้สื่ออย่างรู้ตัว" และ "การใช้สื่ออย่างตื่นตัว"
คำว่า "การใช้สื่ออย่างรู้ตัว" สามารถอธิบายหรือขยายความได้ว่า

-         สามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ

-         สามารถโต้ตอบกับมันได้อย่างมีสติและรู้ตัว
-         สามารถตั้งคำถามว่าสื่ิถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร เช่น ใครเป็นเจ้าของสื่อ ใครผลิต และผลิตภายใต้ข้อจำกัดใด ควรเชื่อหรือไม่ หรือมีค่านิยมความเชื่ออะไรที่แฝงมากับสื่อนั้น พวกที่ผลิตสื่อหวังผลอะไรจากเรา


คำว่า "การใช้สื่ออย่างตื่นตัว" สามารถอธิบายหรือขยายความได้ว่า
-        แทนที่เราจะเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว เราก็จะต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยการแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เข้าถึงสื่อที่หลากหลายและมีคุณภาพ
-         สามารถใช้สื่อให้เกิดประโยชน์  มีส่วนร่วมที่พัฒนาสื่อต่างๆ ให้ดีขึ้น เช่น ท้วงติงหรือร้องเรียนเมื่อพบสื่อที่ไม่เหมาะสม เรียกร้องสิทธิในฐานะเป็นผู้บริโภคสื่อ ฯลฯ


การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เว็บไซต์ที่มีรูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B,B2C,C2C,Click and Motar,Click and Click
1. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B) หมายถึง การซื้อขายระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน เช่น ผู้ผลิตรถยนต์สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เป็นSupplier หรือ ร้านค้าปลีกสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เมื่อสต็อกสินค้าลดลงถึงระดับหนึ่ง ผ่านระบบ EDI  โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อและผู้ขายมักจะรู้จักกันล่วงหน้า และอาจทำเอกสารสัญญาที่เป็นกระดาษกันล่วงหน้า ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อขายจะต่ำ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business-to-Business  (B2B)
http://www.bigc.co.th/th/


http://www.siammakro.co.th/

2. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุระกิจกับบริโภค(Business-to-Consumer หรือ B2C) หมายถึง การที่ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถฉกฉวยเป็นโอกาสในการต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business-to-Consumer  (B2C)




3. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer-to-Consumer หรือ C2C) เป็นการค้าระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือระหว่างผู้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยกันเอง
ตัวอย่างเว็บไซต์ Consumer-to-Consumer  (C2C)
http://www.ebay.com

http://www.thaishop.in.th/


4.C2B (Consumer-to-business) ก็เป็นรูปแบบการค้าที่ใกล้ตัวมากๆ จนเรานึกไม่ถึง เป็นรูปแบบการค้าที่ Consumer หรือผู้ใช้นำสินค้ามา Reviews หรือวิเคราะห์สินค้า จนเว็บเราดังมีคนสนใจเข้ามาชมมาก เราก็จะทำธุรกิจ (Business) กับ Amazon โดยการเอาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่เรา Reviews มาขาย ซึ่งถ้าขายได้ Amazon ก็จะแบ่งตังให้กับเรา หรือแม้แต่ Adsense ก็เป็นธุรกิจแบบ C2B คือ Consumer ทำธุรกิจกับ Business โดยนำเสนอสิ่งที่ Business ต้องการ ซึ่งในกรณี Adsense ที่เขาต้องการก็คือเนื้อหาเว็บที่ดีมีประโยชน์ของ Consumer ที่ทาง Google จะเอาไปขายต่อให้กับพวกที่ต้องการโฆษณาบนเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสินค้าตนเอง หรือพวกที่ทำ Adwords ไงครับ
ตัวอย่างเว็บไซต์ Consumer-to-business  (C2B)
http://www.naiin.com/

http://www.amazon.com/


4. Click-and-Mortar Business Strategy หรือ Bricks-and-clicks Business Strategy หรือHybrid Strategyคือ เป็นกลยุทธ์ที่ผสมระหว่าง 2 กลยุทธ์แรกมารวมกัน โดยมีทั้งหน้าร้านซึ่งลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อช่องทางการค้าบนอินเตอร์เน็ตจะทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายมากขึ้นสามารถทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ซื้อขายได้จนจบ ไม่ต้องไปหน้าร้านจริงก็ได้ 
ตัวอย่างเว็บไซต์Click-and-Mortar Business Strategy 


5.click and click คือ E-Commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือการให้บริการ ผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ต เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือหน้าร้านค้าจริงๆ ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าได้ ดังนั้นเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าถึงที่อยู่ของลูกค้านั้นๆ
ตัวอย่างเว็บไซต์click and click 





ประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์
1.โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ได้อย่างกว้างขวาง
2.สามารถเพิ่มโอกาสทำรายได้ให้แก่ผู้ทำ E-Commerce ได้อย่างมากเลยทีเดียว
3.ลูกค้าสามารถเข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4.การทำ E-Commerce เป็นการตลาดที่ใช้ต้นทุนต่ำ
5. สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการ Internet ได้ง่ายมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเทอร์เนตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน